เก่ง Passive Voice ภายใน 5 นาที แบบไม่งงและไม่ต้องท่องจำ

dongsakapong

จะเปลี่ยนจากประโยค Active Voice เป็น Passive Voice ทำยังไงดี? เมื่อไหร่ควรใช้ประโยค Passive Voice? ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วยทริคจาก Globish ที่จะทำให้คุณไม่ต้องท่องจำ และใช้เวลาเพียง 5 นาที คุณก็สามารถใช้ Passive Voice ได้อย่างมือโปร

ในภาษาอังกฤษ มี Active และ Passive Voice เพื่อบอกว่าใครทำอะไร หรือใครที่กำลังถูกกระทำ แต่ถ้าอธิบายเพียงเท่านี้ อาจจะทำให้งง วันนี้ Globish เลยจะพามาดูวิธีใช้เจ้า Active และ Passive Voice อย่างละเอียด

ใครที่กำลังมีปัญหาเรื่อง Active และ Passive Voice บอกเลยว่าช่วยได้มากค่ะ

ถ้าอยากเก่งอังกฤษยิ่งขึ้นไปอีก สามารถดูวิธีการพัฒนาภาษาได้ที่ คลิก

5 ข้อต้อง "ข้าม" เมื่อเริ่มฝึกภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษผิดไม่รู้ตัว 12 ข้อผิดพลาดที่คนมักใช้ผิด

ฝึกจับใจความภาษาอังกฤษ ด้วยทฤษฎี GTM

Active Voice คืออะไร?

คือ ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำกริยาโดยตรง เช่น

My mother bought that car. (แม่ของฉันซื้อรถคันนั้น) My mother เป็นประธาน ทำกริยา (bought) โดยตรง

Jane cooked dinner yesterday. (เจนทำอาหารเย็นเมื่อวานนี้) Jane เป็นประธาน ทำกริยา (cooked) โดยตรง

Passive Voice คืออะไร?

คือ ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำโดยกริยา เช่น

That car was bought by my mother. (รถคันนั้นถูกซื้อโดยแม่ของฉัน) That car เป็นประธาน แต่ถูกทำด้วยกริยา (bought)

Dinner was cooked by Jane yesterday. (อาหารเย็นถูกทำโดยเจนเมื่อวานนี้) Dinner เป็นประธาน แต่ถูกทำด้วยกริยา (cooked)

รูปแบบของ Passive Voice

Passive voice ในภาษาอังกฤษจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่
to be + กริยาช่อง 3 (Past Participle)

การเปลี่ยน Active Voice เป็น Passive Voice ตาม Tense

V. ย่อมาจาก Verb

ตัวอย่าง

Present Simple:

Jane feeds the dog. ➜ The dog is fed by Jane.

Present Continuos:

Jane is feeding the dog. ➜ The dog is being fed by Jane.

Present Perfect:

Jane has feeded the dog. ➜ The dog has been fed by Jane.

Present Perfect Continuous:

Jane has been feeding the dog. ➜ The dog has been being fed by Jane.

ไม่อยากท่องจำ Passive Voice ทำไงดี?

อันดับแรกเลย ต้องจำโครงสร้างแต่ละ Tense ให้ได้ก่อนค่ะ เพื่อนำโครงสร้าง Tense มาบวกกับโครงสร้างของ Passive Voice นั่นก็คือ to be + V.3 (Past Participle) โดยตัว be จะต้องบวกกับ Verb แท้ แล้วผันตามรูปของมัน นั่นก็คือ

Verb infinitive ของ be ➜ be Verb ช่อง 1 ของ be ➜ is, am are Verb ช่อง 2 ของ be ➜ was, were Verb ช่อง 3 ของ be ➜ been

และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็คือโครงสร้างประโยค Passive Voice ที่ผันตาม Tense ต่าง ๆ นั่นเองค่ะ


ความคิดเห็น (0)

 ต้องการแสดงความคิดเห็น.
ยังไม่มีคนแสดงความคิดเห็น เริ่มแสดงความคิดเห้นได้เลยนะ
.